วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผลของการทำศัลยกรรมหน้าอกและระทึกขวัญโดยที่รถเครนล้มทับรถตู้ 2 คันเจ็บระนาว


ชาวเน็ตแชร์ภาพสาวหน้าอกเน่า จุกเคลื่อน หลังจากที่ทำศัลยกรรม




ดูทีวีออนไลน์ : โดยที่ชาวเน็ตแชร์อุทาหรณ์สาวศัลยกรรมหน้าอก ได้ปรากฎนมเน่า หัวนมเคลื่อนผิดตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในโลกออนไลน์แชร์เรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์เตือนในสำหรับสาวกำลังตัดสินใจจะศัลยกรรมเสริมหน้าอก เรื่องราวดังกล่าวมีการแชร์จากเฟซบุ๊คของบุคคลที่ใช้ชื่อว่า Yunme Un ภาพปรากฎเป็นหญิงสาวที่ถูกระบุว่าไปทำศัลยกรรมมา ในข้อมูลยังระบุอีกว่าหญิงสาวรายนี้ได้ไปศัลยกรรมที่คลีนิกแห่งหนึ่งและเกิดอาการอักเสบบวมอย่างรุนแรง ทำให้หัวนมเคลื่อนผิดตำแหน่ง และอาการต่อมาคือเต้านมเริ่มเน่า

ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าหญิงสาวคนดังกล่าวหลังทำศัลยกรรมเต้านมเริ่มเน่าซ้ำคลีนิกยังปัดความรับผิดชอบ

จากเรื่องราวดังกล่าวนั้นได้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติให้กับหญิงสาวที่คิดจะศัลยกรรมเสริมหน้าอก อยากให้คิดให้รอบคอบและศึกษาหาข้อมูลดี ๆ ก่อนตัดสินใจ

ต้องขอบคุณข้อมูลจาก tnews 




ระทึกขวัญโดยที่รถเครนล้มทับรถตู้ 2 คัน ตาย 1 เจ็บระนาว


ต้องขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์ @nattapong_Rw

ติตามชมทีวีออนไลน์ช่อง 7 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถเครนขนาดใหญ่ล้มทับรถตู้โดยสาร 2 คัน บริเวณสะพานต่างระดับหนองขาม ที่ถนนบายพาสของสาย 7 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ซึ่งที่เกิดเหตุนั้นบริเวณคอสะพานต่างระดับ ถนนบายพาสสาย 7 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 101 เจ้าหน้าที่พบรถตู้โดยสารถูกเสาเครนเหล็กขนาดใหญ่ล้มทับ จนสภาพรถตู้พังเสียหายยับเยินทั้งคัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างประทับ ศรีราชา พยายามเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในรถตู้ เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตในที่สุดเกิด 1 ราย เป็นคนขับรถตู้คันดังกล่าว และพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย อาการสาหัส 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว

โดยจากการที่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ บริเวณใกล้กับสะพานต่างระดับ พบรถเครนขนาดใหญ่อยู่ในสภาพลอยชี้ฟ้า ส่วนเสาเครนล้มทับกับรถตู้ พยานที่เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุรถเครนกำลังทำงานอยู่ที่ตรงจุดเกิดเหตุ แต่ปรากฏว่ารถเครนเกิดเสียหลักลอยชี้ฟ้า ส่วนของเสาเครนเหล็กล้มหล่นลงมาทับรถตู้เคราะห์ร้ายทั้ง 2 คัน ที่ขับผ่านมาในจังหวะเดียวกันพอดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว



ทางศาลกัมพูชาได้ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตอดีตแกนนำเขมรแดง




ทางศาลพิเศษกัมพูชาได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิตอดีตแกนนำเขมรแดง เพื่อชดใช้ความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทำให้ชาวกัมพูชากว่าล้านคนต้องเสียชีวิตในช่วง 4 ปีที่เขมรแดงปกครองประเทศเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

เมื่อศาลพิเศษของกัมพูชาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตกับ นายนวน เจีย วัย 88 ปี อดีตมือขวาของ นายพอล พต อดีตผู้นำเขมรแดง และ นายเขียว สมพอน วัย 83 ปี อดีตประธานาธิบดีเขมรแดง เพราะมีความผิดในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยมีชาวกัมพูชาเกือบ 900 คน รวมทั้งผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ร่วมฟังการตัดสินคดี หลังจากที่ศาลพิจารณาคดีมานาน 2 ปี

เมื่อนายนวน เจีย และ นายเขียว สมพอน เป็นแกนนำเขมรแดงสองคนแรกที่ถูกศาลพิจารณาตัดสิน ขณะที่แกนนำคนอื่นของเขมรแดง เช่น นายพอล พต และ นายเอียง สารี เสียชีวิต ส่วนนางเอียง ทิริธ ป่วยด้วยอาการอัลไซเมอร์ ศาลจึงถอนออกจากคดี

โดยที่ช่วงที่กัมพูชาตกอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดง ระหว่างปี 2518-2522 ซึ่งมีชาวกัมพูชาได้เสียชีวิตกว่า 1700000 กว่าคนทั้งจากการที่ถูกขับไล่ออกจากเขตเมือง ให้ไปใช้แรงงานในชนบทจนเสียชีวิต และอีกจำนวนมากที่เสียชีวิตเพราะขาดแคลนอาหารท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ



ปวีณา ร้องไม่เห็นด้วยอนุญาตให้อุ้มบุญในไทย




ดูทีวีช่อง 3 เมื่อประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เผยไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้อุ้มบุญในไทย พร้อมชี้ 7 เดือนผ่าคลอดดูดสเตมเซลส์ทำเครื่องสำอางอันตราย

ซึ่งนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวภายหลังการประชุมหารือร่วมกับพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการอุ้มบุญโดยผิดกฎหมายว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะอนุญาตให้มีการอุ้มบุญในประเทศไทย เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วจะเข้ามาใช้บริการ รวมถึงสังคมไทยยังมีปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ และเอาเปรียบเด็ก พร้อมฝากไปถึงหญิงที่อยู่ระหว่างการอุ้มบุญ หากเกิดปัญหาเอเจนซี่ที่จัดหาเด็กให้ทำการอุ้มบุญหลบหนี อย่าทำแท้ง และให้เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีสถานที่เลี้ยงเด็กรองรับอยู่แล้ว

และนอกจากนี้ นางปวีณา ยังกล่าวเพิ่มด้วยอีกว่า มีผู้แจ้งข้อมูลกับทางมูลนิธิว่า การอุ้มบุญบางกรณีเมื่ออายุครรภ์ครบ 7 เดือน จะผ่าคลอดเด็กก่อนกำหนด เพื่อต้องการดูดเอาไขสันหลัง หรือสเตมเซลส์ นำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วย ซึ่งกรณีนี้ถือว่าไม่ปลอดภัย และเด็กอาจไม่รอดชีวิต

ซึ่งทางด้าน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ซึ่งเป็น ผช.ผบ.ตร. ที่อยู่ในฐานะ อุปนายกของสมาคมแพทยสภา กล่าวว่า การอุ้มบุญถือว่าเป็นปัญหามานาน และในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับ และร่าง พ.ร.บ.ก็ยังค้างอยู่ในสภา โดยตามระเบียบขอแพทยสภา จะทำการอุ้มบุญต้องมีปัญหาการมีบุตรยากและผ่านการรักษาจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญมาแล้ว โดยต้องมีปัญหาจากฝ่ายแม่หรือผู้หญิง ซึ่งต้องใช้ไข่ของแม่และอสุจิของฝ่ายพ่อ และต้องมีเงื่อนไขคือ คนที่จะอุ้มบุญได้ต้องเป็นเครือญาติ และจะต้องไม่มีการจ้างหรือทำในลักษณะเชิงพาณิชย์ ซึ่งหากพบถือว่ามีความผิด



ด้านพระพุทธะอิสระ เผยถูกวางยาในน้ำมังคุด



ซึ่งพระพุทธะอิสระ ถูกวางยาในน้ำมังคุด เผยรอดมาได้แทบหมดสภาพ รู้คนอยากให้ตายเยอะ

ในวันที่ 6 สิงหาคม ทางด้านพระพุทธะอิสระโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) โดยระบุว่าตนเองถูกวางยาในน้ำมังคุด รอดมาได้แต่แทบหมดสภาพ นอกจากนี้ยังเขียนว่า ไม่ต้องห่วง ไม่มีครั้งที่สองแน่ ฉันจะไม่ยอมตายง่าย จนกว่าคนไทยทุกคนมีความสุข

ซึ่งข้อความเต็มในเฟซบุุ๊ค

ขนาดสิบนิ้วยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง

ซึ่งฉันไม่สบายตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันว่าฉันก็พยายามระมัดระวังแล้วนะ ยังเสียท่าให้คนวางยาเอาจนได้ มาในรูปผสมกับน้ำมังคุด พอฉันเข้าไปเท่านั้นแหละคุณเอ๋ย ยังกับโซดาไฟ มันร้อนตั้งแต่ลำคอจนถึงลำไส้ แต่ก็ยังทนนำปฏิบัติธรรมสวดมนต์จนเสร็จเพราะกลัวจะเสียฟอร์ม คืนนั้นทั้งคืนต้องหาวิธีขับถ่าย ดื่มน้ำหมดไป 2 โหล พยายามทำให้ขี้ ให้เยี่ยว ทั้งคืนแทบจะไม่ได้หลับ มันทรมานแสบร้อนกระเพาะลำไส้มากเท่ามาก ยังกับมีถ่านไฟแดงๆลุกโชนอยู่ในท้องฉะนั้น ต้องใช้วิชาทั้งหมดเท่าที่มีเอามาเป็นที่พึ่ง เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทรมาน เช้าขึ้นยังตะกายไปบิณฑบาต จัดรายการ แต่สิ่งที่ตามมาทีนี้ไข้จับ ฉันอะไรนิดอะไรหน่อยก็ท้องอืดแน่น ต้องอาศัยสมุนไพรเคลือบกระเพาะที่ตนทำ เพื่อบรรเทาความแสบร้อน ตามด้วยยาเคลือบกระเพาะน้ำขาว ต้องฉันทุก 2 ชั่วโมง

ในวันที่สองของการโดนวางยา แม้มีชีวิตรอด แต่แทบหมดแรงหมดสภาพ รักษาฟอร์มเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามสังขาร ไม่สามารถเดินบิณฑบาตได้ ทั้งไข้ ทั้งแสบกระเพาะลำไส้ ฉันอะไรนิดหน่อยก็อืด คงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน กว่ากระเพาะลำไส้จะกลับคืนเข้าที่เข้าทาง

อันที่จริงแล้วมันก็น่าให้เขาวางยาหรอกนะ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาใครๆก็อยากให้ฉันตาย โดยเฉพาะพวกทุรชนคนพาล เพราะฉันประกาศชัดเจนว่า จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม และเผอิญไอ้คนไม่ถูกต้องไม่เที่ยงธรรมมันดันมีเต็มบ้านเต็มเมือง คนชั่วคนพาลพวกนี้จึงได้เดือดเนื้อร้อนใจ ต้องการจะกำจัดผู้ขัดขวางผลประโยชน์ให้หมดไป ซึ่งก็ต้องโทษตัวฉันเอง ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับความชั่วร้ายใดๆ ชีวิตจึงตกอยู่ในการปองร้ายของคนพาลดังกล่าว

และไม่ต้องห่วง ไม่มีครั้งที่สองแน่ ฉันจะไม่ยอมตายง่าย จนกว่าคนไทยทุกคนมีความสุข ประเทศชาติชนะ พระเจ้าอยู่หัวมีความสุข และมหาปณิธานของพระโพธิญาณจะบรรลุดังวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้

โดยที่วันนี้มีแขกมาเยี่ยมตอน 10 โมงเศษๆ นั่นคือคุณ สาทิต ปิตุเตชะ และคณะ คุยกันพอให้ระลึกถึง ก่อนจะกลับเลยฝากเตือนพรรคประชาธิปัตย์ไปว่า อย่าได้ออกมาวิพากษ์ทาง คสช.เขาให้มากนัก ดูเขาไปก่อน แค่เขาเริ่มทำหรือพูดว่าจะทำ ก็พากันออกมาติติง ตำหนิ เช่นนี้ถือว่าไม่ควร เพราะสิ่งที่ควรคือต้องให้กำลังใจ ดูเขาทำ แต่ถ้าเห็นว่าอะไรไม่ถูกไม่ควร นั่นค่อยออกมาท้วงติง และก็ถือโอกาสพูดเตือนสติพรรคประชาธิปัตย์ไปว่า ความแตกต่างของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ อยู่ที่เวลาใครช่วยพรรคเพื่อไทย นายทักษิณเขาจะไม่ทอดทิ้ง จะเทคแคร์ดูแลอย่างดี ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น พอสมประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่ง และเลิกเล่นการเมืองแบบดีแต่พูด พูดเก่งพูดดีอย่างเดียว เวลาทำกลับล้มเหลว ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริงอย่างที่อาสาเข้ามา อย่างนี้เลือกตั้งเมื่อไรก็แพ้อยู่วันยังค่ำ ให้แก้ไขเสีย เมื่อกล้าที่จะพูด ก็ต้องกล้าที่จะทำด้วย อย่าเอาแต่สร้างภาพ

ติดตามดูทีวี  ทีวีออนไลน์ช่อง 3 ทีวีออนไลน์ช่อง 5  เพิ่มเติมได้ที่


พุทธะอิสระ
6 สิงหาคม 57



ทางเรือนจำพิเศษฯ ได้จัดเตรียมจัดห้อง ติดกล้องวงจรปิด คุมตัว ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’




วันที่ 7 สิงหาคม คือนายสรสิทธิ์ จงเจริญ ตำแหน่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวถึงการรับตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เข้าควบคุมในเรือนจำหลังศาลอุทธณ์ได้มีคำพิพากษาต้องจำคุกในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ว่า นายสนธิจะถูกส่งตัวเข้าแดนแรกรับ ซึ่งนั่นเป็นขั้นตอนที่ปกติของผู้ต้องขังทั่วไป จากนั้นจะต้องทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสุขภาพ พร้อมแจกคู่มือการอยู่ในเรือนจำ และอุปกรณ์ยังชีพ

ซึ่งทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะควบคุมตัวนายสนธิเพียง 1 คืน ก่อนส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากโทษจำคุกของนายสนธิเกิน 15 ปี อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยระหว่างถูกคุมตัวในแดนแรกรับ ซึ่งมีผู้ต้องขังเสื้อแดงถูกคุมขังอยู่ด้วย คาดว่าจะไม่มีปัญหา หรือข้อกังวลในการอยู่ร่วมกัน เพราะในห้องควบคุมมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดสำรวจความเคลื่อนไหวผู้ต้องขังได้ทั่วถึง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ผู้คุมคอยดูแลป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างอยู่ร่วมกันได้แน่นอน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites