วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรื่องย่อ ละคร ลูกหนี้ที่รัก ผู้กำกับ : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์ บทประพันธ์ : ชาครียา

  • ชื่อเรื่อง : ลูกหนี้ที่รัก
  • ช่องที่ออกอากาศ : ช่อง 3
  • ออกอากาศทุกวัน : จันทร์-ศุกร์
เนื้อเรื่องย่อ


ลูกหนี้ที่รัก


ละคร ลูกหนี้ที่รัก  บทประพันธ์  :   ชาครียา  ละคร ลูกหนี้ที่รัก  บทโทรทัศน์  :   ศันสนีย์  ตุลยธนบดี/ศุภวรรณ  ทองขลิบละคร ลูกหนี้ที่รัก  กำกับโดย    :   ธรธร  สิริพันธ์วราภรณ์ละคร ลูกหนี้ที่รัก  ผลิตโดย      :   บ. มายน์แอทเวิร์คส์ จำกัด ละคร ลูกหนี้ที่รัก  แนวละคร  :  รักโรแมนติก  ละคร ลูกหนี้ที่รัก  ออกอากาศ   :   วันจันทร์-ศุกร์ 18.45 น. ทางช่อง 3 

เรื่องย่อ ลูกหนี้ที่รัก
แฟกซ์ทวงหนี้ที่ติดประจานหรา บนบอร์ดสำนักงานทำให้ ออมสิน (จรินทร์พร  จุนเกียรติ) เออีสาวผู้ไม่เป็นรองใครทั้งด้านการทำงานและการช็อปแหลกต้องอับอายขายหน้า และหวาดผวาเป็นล้นพ้นว่าจะถูกทวงหนี้ด้วยวิธีโหดตามข่าวที่เห็นบ่อยๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังกลัวจะโดนไล่ออก เพราะ กองพร (รัชนี ศิระเลิศ) นายหญิงของบริษัทฟันธงว่า หนี้สินคือภัยทางศีลธรรม หรือ Moral Hazard  เป็นต้นตอของอาชญากรรมทั้งหลาย และนายหญิงคงฟันคอขาดแน่ถ้ารู้ว่าพนักงานมีหนี้สินอิรุงตุงนัง จนถูก ‘เร่งรัดหนี้แบบไม่ ไว้หน้า’  เช่นนี้ ต่อให้เป็นคนโปรดอย่างออมสินก็เถอะ! 
อิทธิ (พงษ์พันธ์  เพชรบัณฑูร)  ครีเอทีฟรุ่นพี่ และมุทิตา (อนุสรา วันทองทักษ์)  พนักงานบัญชีผู้เป็นสุดซี้ของออมสิน ออกโรงปกป้องเธอ และกำชับทุกคนไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ รวมทั้งข่มขู่วรุณพร (นนทพร ธีระวัฒนสุข)  ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนเอาแฟกซ์มาติดประจาน เนื่องจากวรุณพรเป็นเออีคู่แข่งของออมสิน  ผลัดกันรุกผลัดกันรับมาโดยตลอด ตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ออมสินก็เอาผลงานและนิสัยกระตือรือร้นมองโลกในแง่ดีชนะใจนายหญิงจนกลายเป็นเด็กโปรดเด็กปั้น แถมล่าสุดเธอยังได้รับมอบหมายให้เป็นเทรนเนอร์ของ ก้องภพ (พิชญะ   นิธิไพศาลกุล) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายหญิงอีกด้วย ก้องภพ ช่างภาพอิสระฝีมือดีตระเวนถ่ายรูปชุด ‘ก่อนโลกละลาย’ ไปทั่วโลกกับ จีรสุดา (ธนิดา กาญจนวัฒน์) แฟนสาวลูกเศรษฐี เซเลบริตี้ด้านสิ่งแวดล้อมจนหมดเงินไปสองล้านแต่ขายรูปได้แค่แสนเดียว ผู้เป็นแม่จึงยื่นข้อเสนอ ให้มาทำงานที่บริษัทด้วยเงินเดือน  เดือนละห้าหมื่นบาท  และเงินรางวัลอยู่ทน หนึ่งล้านบาท หากทำงานครบปี!  เอาท์ดอร์ตัวพ่อจึงต้องฝืนใจมาเป็นนักธุรกิจใต้อาณัติของมารดาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง กลายมาเป็น ‘บอสเล็ก’ ของคนในบริษัท และต้องมาเรียนรู้งานจากออมสิน ซึ่งก้องภพตั้งฉายาให้ว่า ‘ออมซ่า’ เพราะท่าทางมั่นอกมั่นใจจนเกินวัย  และนิสัยจุกจิกชวนหมั่นไส้หลายอย่างของออมสิน
ขณะที่กำลังประชุมนำเสนอรูปแบบการจัดงานประชุม ทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ก้องภพ และนายหญิงก็ต้องแปลกใจ เมื่อไม่เห็นออมสิน โดยอิทธิให้ข้อมูลว่าออมสินเพิ่งอกหักจึงขอลาพัก เพราะเสียศูนย์ ทั้งที่จริงเขาเป็นคนเสนอให้ออมสินกลับไปหลบพวกทวงหนี้ ที่คอนโดเสียก่อน เนื่องจากมุทิตาเห็นชายผมเกรียนแว่นดำท่าทางไม่น่าไว้ใจมาป้วนเปี้ยนแถวออฟฟิศ ทว่านายหญิงดูไม่เดือดร้อนนักกับการหายตัวไปของคนโปรดอย่างออมสิน กลับเสนอคู่บัดดี้ใหม่ให้ลูกชาย ซึ่งก็คือ "ภคมน" (โบว์-เบญจวรรณ) อดีตหัวหน้าเออี ลูกน้องเก่า ที่แยกออกไปเปิดบริษัทเอง กองพรบอกความประสงค์กับลูกชายอย่างตรงไปตรงมาว่า เธอไม่ใช่แค่หวังให้เขาเรียนรู้งานจากภคมนเท่านั้น แต่คิดจะจับคู่คนทั้งสอง เนื่องจากภคมนเป็นผู้หญิงเก่ง จะต้องทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าแน่นอน  นิภาพรรณ หรือ ป้านิ (เอื้อง-สาลินี ปันยารชุน) เพื่อนสนิทของกองพร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทก็เห็นดีเห็นชอบด้วย  ก้องภพไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้เพราะเขากับภคมนเหมือนสร้างขึ้นจากเคมีคนละชนิด  เธอเป็นผู้หญิงที่คิดแต่เรื่องงานกับเงิน  เธอเป็นคนสวย เก่ง ฉลาด  จนพ่อของก้องภพยังเอ่ยปากว่าเธอเหมือนกองพรสมัยสาวๆนั่นยิ่งทำให้ก้องภพ สยองขวัญ เขาไม่อยากได้เมียที่เหมือนแม่ขนาดนั้น!  


เมื่อจีรสุดารู้ความต้องการของกองพร ก็ชวนให้ก้องภพลาออก แล้วมาทำงานกับบริษัทพ่อของเธอ ก้องภพปฏิเสธ เนื่องจากถ้าขอความช่วยเหลือจากพ่อของแฟน ศักดิ์ศรีของเขาก็ตกต่ำไม่ต่างจากอยู่กับแม่สักเท่าไหร่ ส่วนออมสินคิดจะยืมเงินจากนุตพงศ์แฟนหนุ่มนักค้าหุ้น แต่นุตพงศ์ก็ไปโรดโชว์ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ และออมสินรู้สึกละอายใจที่จะไปรบกวนพ่อแม่หรือปู่ย่าอีก เพราะที่ผ่านมาก็แบมือขอมาตลอดทั้งค่าดาวน์รถ ค่าผ่อนคอนโด ค่ากระเป๋าแบรนด์เนม ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าครูสอนโยคะ และอื่นๆ อีกจิปาถะเพราะเธอไม่เคยชักหน้าถึงหลังสักเดือน อิทธิและมุทิตาช่วยกันระดมความคิดแก้ปัญหาที่คอนโดของออมสิน และได้บทสรุปว่ามุทิตาจะเจรจาต่อรองหนี้บัตรเครดิต มูลค่าเกือบสี่แสน กับทางธนาคารให้ แต่ระหว่างนี้ออมสินต้องหลบไปอยู่ที่บ้านน้าสาวของมุทิตา ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนก่อน  เพื่อให้พ้นจากแก๊งมาเฟียทวงหนี้  มุทิตายื่นเงินให้ออมสินยืมห้าพันบาท  ให้เธอใช้จ่ายระหว่างนี้  ส่วนอิทธิจะเป็นคนไปโน้มน้าวนายหญิง  โดยอ้างว่าออมสินขอลาไปปฏิบัติธรรมบำบัดอาการอกหัก นั่นเอง! สาวกรุงวัยยี่สิบสี่ผู้คลั่งไคล้การจับจ่ายแบบไม่ลืมหูลืมตาจึงมาปรากฏตัวที่หมู่บ้านเล็กๆ ติดชายแดน เพื่อพักอาศัยอยู่กับ นงนุช (กิ๊ก-มยุริญ  ผ่องผุดพันธ์) นักวิจัยทางสังคมที่มาลงหลักปักฐานที่นี่หลังจากช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาหนี้สินสำเร็จ นงนุชพาออมสินไปรู้จักกับการดี (ต๊อบ-ตรีพล พรมสุวรรณ)  เกษตรกรหนุ่มวัยเดียวกับเธอที่เลือกทำไร่ไถนา แทนที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่กลับมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นเกษตรกร ซึ่งเลี้ยงชีพด้อย่างมีความสุข และคิดว่าระบบการศึกษาผลิตคนให้ออกมาเป็นลูกจ้าง  ความจริงที่ว่าการดีมีเงินเก็บรายแสนทำให้ออมสินทึ่ง และสะท้อนใจ   เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นดี ทำงานมาเกือบสองปี มีรายได้เดือนละเกือบสามหมื่น แต่กลับมีหนี้สามแสนเก้าที่ยังมืดแปดด้านว่าจะชดใช้ยังไง! นงนุช และการดีสอนให้ออมสินหัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่เจ้าตัวก็กลับขี้เกียจเกินกว่าจะทำเรื่องจุกจิกแบบนั้น 
วันแรก ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไร้แสงสี และปราศจากสัญญาณโทรศัพท์ ออมสินต้องอยู่กับความเงียบเหงา ละจินตนาการถึงการตามทวงหนี้อันแสนหฤโหด จนแทบจะกรีดร้อง วันที่สอง นงนุชไปประชุมในเมือง และไม่ยอมให้ออมสินตามไปด้วย แต่กลับพาเธอไปส่งที่บ้านป้าสอนที่เคยติดหนี้จนอยากฆ่าตัวตาย แต่หนี้สินของป้าสอนมาจากค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่าผ่อนมอเตอร์ไซค์ให้ลูก ค่าเหล้าสามี รูปแบบการบริโภคแตกต่างกับสาวชาวเมืองอย่างเธอจนเปรียบเทียบกันไม่ได้  ออมสินจึงไม่อินแต่อย่างใด  ช่วงบ่ายเธอไปบ้านของการดีและถูกเขาคะยั้นคะยอให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอีก  วันที่สาม ออมสินมีโอกาสไปตลาดนัดเล็กจ้อยในหมู่บ้านกะเหรี่ยง คอยาว และไม่วายเอาเงินที่ต้องใช้แบบจำกัดจำเขี่ยไปซื้อเสื้อผ้าอย่างอดไม่ได้ 
วันที่สี่ ออมสินต้องหงอยเหงาอยู่กับกองหนังสือของนงนุชที่มีแต่หนังสือแนวปรัชญาหรือไม่ก็วิชาการ ไม่มีแนวแฟชั่นที่เธอชื่นชอบ  จวบจนบ่าย ก่อนออกจากบ้านนงนุชบอกว่าจะทำต้มยำปลาช่อนให้กิน ให้ออมสินเตรียมเครื่องปรุงต้มยำไว้  ที่บ้านนงนุชปลูกผักสวนครัวที่นำมาทำต้มยำก็จริง แต่ออมสินไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรจึงไปหาการดี แต่แทนที่เขาจะขุดข่าให้เธอ กลับเพียงยื่นเสียมให้เธอ!  ออมสินต้องทำทุกอย่างเอง จนเหงื่อตก ชีวิตในชนบทไม่เห็นโรแมนติกเหมือนในละครบ้านไร่เลยสักนิด เธอบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้จะต้องเข้าเมืองไปโทรศัพท์หามุทิตาให้ได้ ต่อให้เจรจากับเจ้าหนี้ไม่สำเร็จ เธอก็ต้องไปจากที่นี่ ขอไปอยู่ในที่ที่กันดารน้อยกว่านี้และมีคลื่นโทรศัพท์ให้เธอติดต่อกับเพื่อน และแฟนได้ก็พอ  ครั้นพอกลับมาถึงบ้านของนงนุช เธอกลับพบว่ามุทิตากับอิทธิอยู่ที่นั่น แต่ที่ทำให้เธอช็อกคือก้องภพมาด้วย! แสดงว่าเขาย่อมรู้แล้วว่าเธอหลบงานมา เพราะปัญหาหนี้สิน ไม่ใช่ปฏิบัติธรรม!  
ก่อนจะมาแม่ฮ่องสอน ก้องภพอยากหนีจากภคมนมาก จนกระทั่งอ้อนวอนมารดาขอทำงานกับออมสินเหมือนเดิม แต่กองพรไม่ยอม  ก้องภพจึงประกาศลาออก  อิทธิมาเสนอแผนว่าออมสินสามารถช่วยให้เขาไม่ต้องทำตามแผนของแม่ และเขาต้องยื่นมือช่วยออมสินเสียก่อน มุทิตา และอิทธิเล่าให้ออมสินฟังว่า ตอนนี้เจ้าหนี้เหลือธนาคารรายใหญ่ที่รอการพิจารณา และนำเงินไปโปะหนี้บัตรเครดิตรายย่อยๆ ไปแล้ว มีทั้งเงินสดสำรองจ่ายจำนวนห้าหมื่นบาท ของบริษัทที่มุทิตาดึงมาใช้ก่อน เงินสามหมื่นของอิทธิ และอีกส่วนเป็นเงินของก้องภพ
จากนั้นอิทธิก็เสนอแผนปลดหนี้ชื่อ ‘มหัศจรรย์เลขสาม’ ที่มีหลักการแสนง่ายคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และเปลี่ยนมุมมองชีวิต เรื่องการหารายได้ อิทธิจะเริ่มจากการ เปิดบล็อก และเฟซบุ๊กหัวข้อ ‘คุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะปลดหนี้สามแสนภายในสามเดือนได้ไหม’  เมื่อมีแฟนคลับแล้วค่อยออกพ็อกเกตบุ๊ก ‘อิสรภาพของนักช็อปไร้สติ’ จากนั้นก็จะล่อหลอกให้นายหญิงจัดการประกวดอะไรสักอย่างที่ล็อคสเป๊ก  เพื่อออมสิน โดยเฉพาะแค่นี้เธอก็หาเงินใช้ได้แล้ว  ออมสินไม่กล้าปฏิเสธ เพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้  เผลอๆ ถ้าเธอหาเงินมาคืนบริษัทไม่ได้มุทิตาเพื่อนรักอาจจะถูก นายหญิงกองพรไล่ออกก่อนเธอเสียอีก แต่ที่ทำให้ออมสินทำใจลำบากก็คือเงื่อนไขของก้องภพที่ออกเงินใช้หนี้ให้ก่อน  นั่นคือให้เธอมาเป็นแฟนเขา! 


ซึ่งที่จริงก็เป็นแค่การตบตากองพร  และภคมนเพื่อหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนนั่นเอง อิทธิกับมุทิตากลับไปแล้ว แต่ก้องภพ และออมสินยังอยู่ต่อที่นี่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์  ก้องภพรับหน้าที่ถ่ายภาพออมสินไปลงเฟสบุ๊ก และทำหนังสั้น กับเรียนรู้แนวคิด และวิธีปฏิบัติในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง  ส่วนอิทธิกลับมารายงานกองพรว่าก้องภพไปดูแลออมสิน เนื่องจากหลงรักออมสิน และขอยกเลิกการลาออก เพื่อที่จะกลับมาทำงานกับออมสินเหมือนเดิม  กองพรยอมให้ลูกชายกลับมาทำงานได้ แต่อายุงานต้องนับหนึ่งใหม่ ส่วนเรื่องคู่บั๊ดดี้ อย่างไรก็ต้องเป็นภคมน ไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เธอยังจะย้ายออมสินไปทำงานที่แผนกอื่น การดีสอนให้ก้องภพกับออมสิน ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลาเข้าใจ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ไม่ได้หมายถึงให้ทุกคนไปทำไร่ไถนา แต่เป็นการพึ่งพาตัวเองได้ และใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ มีกินมีใช้แบบพอดีตัว ทั้งสองก็เริ่มมองเห็นว่าตัวเองต่างใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเป็นอีกครั้งที่การดีแนะนำ ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครัวเรือน  เพื่อจะได้มองเห็นว่าใช้จ่ายไป  กับเรื่องใดบ้าง และจะได้วางแผนการใช้เงินได้ถูก การดีเชิญพี่ปรุง แม่บ้านต่างถิ่นมาเป็นวิทยากรให้นักเรียนทั้งสอง พี่ปรุงเริ่มยุทธการปลดหนี้ด้วยการทำบัญชีแล้ววางไว้ในจุดที่สามีและลูกเห็น เมื่อเห็นบัญชีติดลบของครอบครัวสามีพี่ปรุงก็ลดการดื่มเหล้าลง ส่วนลูกก็ใช้จ่าย  ประหยัดขึ้น ออมสินกับก้องภพเขียนบัญชีส่งให้การดีตรวจ และถูกวิจารณ์เสียเละเทะจนเริ่มรู้สึกว่าถึงเวลา ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว  การดีจัดกิจกรรมค่ายสำหรับเด็กมัธยมปลาย จึงให้ก้องภพ และออมสินมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้  เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่ปรากฏว่าผู้มาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบ ต้องหาคนให้ครบตาม จำนวนเจ้าของทุน  ถึงจะยอมจ่ายเงินสนับสนุน  ก้องภพกับออมสินจึงต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นเด็กโข่งเข้าร่วมกิจกรรม ที่สอนให้พึ่งพาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารจากผักพื้นบ้าน  และการถนอมอาหาร การทำสบู่  และน้ำยาล้างจาน การปะชุนเสื้อผ้า และการกินอาหารเป็นยา รวมถึงการทำบ้านดินเพื่อเป็นห้องสมุดชุมชน การลงพื้นที่ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น  และภูมิปัญญาจากผู้เฒ่าผู้แก่ 
แต่กิจกรรมสุดหินคือกิจกรรมสุดท้ายที่ให้   ทุกคนไปนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง  โดยห้ามพูดห้ามคุยกับใครทั้งสิ้น จากนั้นให้มาเปิดใจว่า ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ช่วงไหนในชีวิตที่มีความสุขที่สุด และได้ทำความดีกับครอบครัวหรือสังคมอย่างไร การพูดคุยเปิดใจของเด็กมัธยมทำให้ออมสินนึกถึงตัวเอง และกล้าเล่าเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม รวมไปถึงหนี้สินล้นตัวที่ทำให้เธอต้องมาซ่อนตัวถึงที่นี่ เธอเกิดความรู้สึกภูมิใจที่ได้เล่าประสบการณ์  เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้น้องๆ เดินทางผิด  ซ้ำรอยกับเธอ  ขณะที่ก้องภพเปิดใจว่าเขาค้นพบแล้วว่า ความสุขไม่ได้อยู่ที่การเดินทางไปถ่ายภาพทั่วโลกจนหมดเงินไปสองล้าน แต่ความสุขกลับอยู่ที่สิ่งง่ายๆ อย่างการสอนเด็กๆ ทำหนังสั้นเกี่ยวกับการปลูกผักอินทรีย์แม้จะไม่มีค่าตอบแทนสักบาท และตั้งใจว่าจะช่วยสอนเด็กไทยให้มีความสามารถทำหนังสั้น จนไปคว้ารางวัลระดับโลกได้ ออมสินได้ยินคำพูดจากปากก้องภพ แล้วอดทึ่งในตัวบอสเล็กที่ตลอดมาเธอเคย ดูถูกว่าไม่เป็นโล้เป็นพาย 
วันแรกที่ออมสินกลับมาทำงานก็ต้องพบกับภคมน ที่มาประกาศตัวว่าเป็นคู่แข่งแย่งชิงก้องภพ ที่ไม่ยอมลดราวาศอกให้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน กองพรก็ให้วรุณพรคอยจับผิดออมสินกับก้องภพ เพราะเธอไม่เชื่อว่าอดีตคู่ปรับอย่างสองคนนี้จะกลายมาเป็นคู่รักกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ นุตพงศ์เสนอเงินให้ออมสินยืม เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำตามแผนการไร้สาระ แต่อิทธิกับมุทิตาคอยหนุนให้เธอปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่องศักดิ์ศรีในการปลดหนี้ด้วยตัวเอง และหากเธอขอยืมเงินแฟนมาล่ะก็ ต่อไปก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของเขาแน่ๆ ออมสินจึงไม่รับการช่วยเหลือจากนุตพงศ์  

แม้จะมีคำสั่งจากนายหญิงกองพรไม่ให้ออมสิน และก้องภพทำงานร่วมกันแล้ว แต่ออมสินกับก้องภพ ก็ยังมีงานค้าง และต้องสะสางต่อให้เสร็จนั่นก็คือการไปเสนองานลูกค้า  แต่ทันทีที่ออมสินนึกได้ว่าสวมเสื้อผ้า ชุดเดียวกับที่สวมมาเสนองานเมื่อคราวก่อน ออมสินก็ขาดความมั่นใจ จนทำให้การพรีเซนต์งานเกือบล่มโชคดี ที่ก้องภพสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ หลังเสร็จงานก้องภพ ก็ยังหนีบเอาออมสินไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดา ซึ่งทำให้ออมสินฉุนขาด  เมื่อรู้ว่าก้องภพเอาเรื่องหนี้สินของออมสินไปเล่าให้จีรสุดาแฟนสาวของเขาฟัง ก้องภพพาออมสินไปส่งที่คอนโด และขึ้นไปส่งถึงที่ห้อง เมื่อเห็นอาการหวาดผวาคนทวงหนี้  ขณะที่นุตพงศ์โทรหาออมสินหลายสาย  จนก้องภพต้องตัดรำคาญด้วยการรับสายเสีย  ให้รู้แล้วรู้รอด ทำให้ นุตพงศ์ฉุนขาด และจะคืนเงินให้ก้องภพแทนออมสินแต่ก้องภพไม่ยอม ออมสินออกจากห้องน้ำโดยไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มโทรมาหาเธอ  และขอให้ก้องภพมารับไปทำงาน เพราะยังหวาดผวากับแก๊งทวงหนี้  ก้องภพมารับออมสินตามสัญญา และทันทีที่ทั้งคู่ขับรถเข้าไปจอดที่บริษัท นุตพงศ์ที่สะกดรอยตามมาตั้งแต่  ที่คอนโดก็เปิดเผยตัว นุตพงศ์ต่อว่าด้วยความเข้าใจผิดว่าก้องภพนอนค้างที่คอนโดของออมสิน  และจากไป ด้วยความโกรธ ออมสินโกรธก้องภพที่เป็นต้นเหตุให้มีปัญหากับแฟน แต่ในเมื่อนุตพงศ์ไปเสียแล้ว ความหวังที่จะหาเงินมาใช้หนี้ก็อยู่ที่ก้องภพคนเดียว ก้องภพเข้ามาที่บริษัทก็ถูกแม่เรียกพบ  และต่อว่ากล่าวหาว่าก้องภพวางแผนทำให้ออมสิน  และแฟนมีปัญหากัน 


ในการประชุมเรื่อง CSR  กองพรเสนอให้ทำซีเอสอาร์ในองค์กรเสียก่อน  อิทธิเสนอว่าเขาเคยคุยกับ ออมสินเรื่อง  "การกู้โลก" โดยการลดการใช้จ่าย ไม่ซื้อเสื้อผ้า  และของใช้ไม่จำเป็นอย่างน้อยหนึ่งปี ออมสิน ซึ่งใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะกลุ้มใจที่นุตพงศ์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ได้แต่ตกใจ  เมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะเธอไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับอิทธิสักนิด  ส่วนพนักงานคนอื่นๆ ก็หัวเราะกันครื้นเครง  เพราะไม่คิดว่าชอปปิ้งมาเนียอย่างออมสินจะทำได้  กองพรเห็นเป็นความคิดที่เข้าท่าจึงเสนอว่าถ้าออมสินทำได้จริง จะให้เงินรางวัลห้าหมื่นบาทแก่ออมสิน   แต่ถ้าทำไม่ได้ล่ะก็ ออมสินจะต้องจ่ายคืนมาเป็นสองเท่า จากนั้นก็แต่งตั้งก้องภพ, วรุณพร, มุทิตา เป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของออมสิน  เพื่อจะได้รู้ว่าตลอดปีนี้  ออมสินจะไม่มีเสื้อผ้า   และของใช้ที่ไม่จำเป็นเพิ่มจากของเดิมแม้แต่รายการเดียว  แต่แล้วภคมนก็กลับเอากระเป๋าแบรนด์มือสองมาเสนอขาย ซึ่งทำให้ออมสินต้องข่มใจเป็นอย่างมาก มุทิตาได้รับคำตอบจากธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของออมสิน และพบว่าเธอยังเหลือหนี้ที่ต้องชำระอีก "หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท" หมายความว่าเธอต้องกู้บอสเล็กเพิ่มอีก รวมกับก่อนหน้านี้ก็เท่ากับสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาท  เพราะฉะนั้นการจะหาเงินไปใช้คืนเขาได้ เธอจะต้องลดรายจ่าย และหารายได้เพิ่ม อิทธิสั่งให้ออมสินเลิกขับรถไปทำงาน เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ และหารายได้เสริมให้เธอ ซึ่งงานชิ้นแรกก็คือ "สวมชุดมาสคอตแม่วัวตัวใหญ่ยักษ์"  ในงานดื่มนมของกระทรวงสาธารณสุข ที่บริษัทรับผิดชอบจัดงาน นอกจากออมสินจะต้องรับภาระหนักในการสวมชุด แม่วัวที่มีเด็กๆ มารุมล้อม ทั้งทุบทั้งผลักแล้ว เธอยังต้องปิดบังไม่ให้ก้องภพ  และภคมนที่มาคุมงานรู้ด้วยว่าเป็นเธอ
วันที่คณะกรรมการมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ห้องพัก ออมสินรู้ว่าวรุณพรพยายามจับผิดว่าเธอกับก้องภพเป็นแฟนกันตามแผน จึงแกล้งชวนก้องภพไปคุยแบบลับๆ ล่อๆ เพื่อให้วรุณพรได้ยิน และเข้าใจไปเองว่า   ก้องภพได้มาค้างที่ห้อง  หลังจากสำรวจทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อย ก้องภพก็เสนอแถมบังคับด้วยอำนาจความเป็นเจ้าหนี้ให้ออมสินขี่จักรยานไปทำงาน โดยเขาจะยืมจักรยานที่จีรสุดามีอยู่หลายคันมาให้ใช้ ออมสินต้องขี่จักรยานหอบแฮ่กๆ ไปทำงานไม่พอ ยังถูกดัดหลัง  โดย ‘มือที่มองไม่เห็น’ เมื่อนุตพงศ์มาดักรอที่หน้าบริษัท นุตพงศ์ ยื่นเช็คให้ออมสิน เพื่อให้เธอนำไปใช้หนี้ แต่ก้องภพกลับคว้ามาฉีก นุตพงศ์จึงกลับไปด้วยความโกรธ ออมสิน เข้ามาในบริษัทแต่กลับถูกนายหญิงจับผิดอีกว่า เธอกับลูกชายของเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน และปิดบังแผนการ อะไรไว้ เป็นวันที่สองแล้วที่ออมสินพบว่ามีหนังสือ ซึ่งหาตัวเจ้าของไม่ได้มาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ เป็นหนังสือธรรมะที่สอนให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เธอสอบถามป้าน้อย แม่บ้านก็ไม่รู้ว่าใครนำมาวาง ป้าน้อย ยังพยายามเสนอเงินกู้ให้เธออีกตามเคย ออมสินหยิบหนังสือกลับไปอ่านที่คอนโด และนำกลับมาวางคืนไว้ที่โต๊ะตัวเอง จากนั้นจึงพบว่าหนังสือนั้นหายไป และไม่รู้ว่าเจ้าของตัวจริงจะมาเอาคืนไปหรือเปล่า แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของหนังสือตัวจริงเป็นใคร ครั้นออมสินไปสอบถามมุทิตา  และอิทธิก็พบว่าไม่ใช่ของสองคนนั้น 
จู่ๆ อิทธิทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัว บอกกับออมสินว่าเขารับงานพิเศษมาให้  โดยไม่ถามความสมัครใจจากออมสินสักคำ งานนั้นคืองานดูแลคนป่วย! ซึ่งคนป่วยที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เอื้อมพร (เดือนเต็ม  สาลิตุล)  พี่สาวของนายหญิง ซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ของก้องภพนั่นเอง เอื้อมพรเป็นโปลิโอเดินไม่ได้ตั้งแต่เด็ก  คนรับใช้ที่คอยดูแลก็ลากลับบ้าน ขณะที่นายหญิงก็ไปต่างจังหวัดกับสามี ออมสินจึงต้องมาดูแลเธอ แต่สิ่งที่น่าหวั่นเกรง คือการรับมือกับอารมณ์ฉุนเฉียวของเอื้อมพร ซึ่งก้องภพอธิบายว่าป้าของเขามีอาการ "ไบโพลาร์" หรืออารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับคนแก่อารมณ์แปรปรวนแล้ว ออมสินยังต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับก้องภพถึงสองวันสองคืน แถมระหว่างนั้นภคมนยังตามมาก่อกวนถึงที่บ้านอีก  แต่มีความจริงข้อหนึ่ง ที่ทำให้  ออมสินตกใจ คือเธอพบหนังสือที่เคยวางอยู่ที่โต๊ะเธอมาปรากฏในชั้นหนังสือของบ้านนี้  มันเป็นเล่มเดียวกันแน่ๆ เพราะเธอจำคราบกาแฟที่เธอบังเอิญทำหกเลอะไว้  ออมสินสอบถามเอื้อมพรแต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีว่าเป็นของนายหญิงหรือบอสเล็กกันแน่!!  (อ่านต่อหน้า 2)
          
  • ผู้จัดละคร : บ. มายน์แอทเวิร์คส์ จำกัด
  • ผู้กำกับ : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
  • บทประพันธ์ : ชาครียา
  • บทละคร : ศันสนีย์ ตุลยธนบดี/ศุภวรรณ ทองขลิบ
  • นักแสดงนำ : พิชญะ นิธิไพศาลกุล, จรินทร์พร จุนเกียรติ, พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร, อนุสรา วันทองทักษ์, เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์

ที่มาบทความจาก http://tv.sanook.com/

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites